บทที่ 4
การพัฒนาธุรกิจเชิงรุก
เรื่องที่ 1 ความจำเป็นและคุณค่าของธุรกิจเชิงรุก
ธุรกิจเชิงรุก หมายถึง การบริหารจัดการธุรกิจแบบมีแบบแผนเป็นระบบการพัฒนางานที่ดี อำนวยประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการ สามารถวางแผนติดตามและควบคุมให้การดำเนินงานในทุกด้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความจำเป็นและคุณค่าของธุรกิจเชิงรุก ธุรกิจเชิงรุกเป็นความพยายามที่จะหาวิธีการให้ได้เปรียบทางการแข่งขันทางธุรกิจ เป็นการพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค สินค้าได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ผู้บริโภคมีโอกาสเลือกซื้อสินค้าได้อย่างหลากหลาย เป้าหมายที่สำคัญที่สุดของธุรกิจเชิงรุกคือ การช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดจากคู่แข่งขันมาเป็นของตนให้ได้มากที่สุด
เรื่องที่ 2 การแทรกความนิยมเข้าสู่ความต้องการของผู้บริโภค
ความต้องการของผู้บริโภค หมายถึง ความอยากได้ในสินค้าและบริการซึ่งทำให้เกิดความพอใจเมื่อความต้องการและความอยากได้รับการตอบสนองทั้งจากประโยชน์ใช้สอยในตัวสินค้าและบริการ และอรรถประโยชน์จากการบริโภคสินค้านั้น ความต้องการของผู้บริโภค แบ่งออกได้ 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
1. ความต้องการทางด้านร่างกาย คือ ความหิว การนอน การพักผ่อน ความอบอุ่น
2. ความต้องการด้านอารมณ์หรือจิตวิทยา คือ ความปลอดภัย ความรักการยอมรับ ความพอใจ ความงาม
ดังนั้น นักการตลาดต้องเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคในทุก ๆ ด้าน เพื่อการผลิตสินค้าและบริการให้ตรงตามความต้องการให้มากที่สุด
ความนิยม เป็นสิ่งสำคัญที่นักการตลาดต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการผลิตสินค้าและบริการให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในด้านความนิยม เนื่องจากความนิยมเป็นสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดเวลา
การแทรกความนิยมในตัวสินค้าให้กับผู้บริโภค สามารถดำเนินการได้ในหลากหลายวิธีการ เช่น
1. การโฆษณา เป็นช่องทางให้ผู้บริโภคได้รับรู้ในตัวสินค้า ในด้านภาพลักษณ์ได้มากที่สุด โดยการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น หนังสือพิมพ์รายวัน แผ่นพับ ใบปลิว เสียงตามสาย รายการวิทยุ รายการโทรทัศน์ และการเสนอสินค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ต
2. การจัดแสดงสินค้า เป็นช่องทางให้ผู้บริโภคได้ทดลองใช้ เข้าถึงและรับรู้ถึงรายละเอียดของสินค้า ได้มากที่สุดก่อนการตัดสินใจเลือกซื้อ
เรื่องที่ 3 การสร้างรูปลักษณ์คุณภาพสินค้าใหม่
รูปลักษณ์คุณภาพสินค้าใหม่ จะมีการสร้างขึ้นอันเนื่องมาจากการวางแผนกลยุทธ์ในขั้นตอนการเจริญเติบโตของตลาด ดังนี้
1. การเพิ่มรูปลักษณ์ใหม่ของสินค้า เนื่องจากลูกค้ามีจำนวนเพิ่มมากขึ้น มีความต้องการ ที่หลากหลายมากขึ้น ดังนั้นผู้ขายจึงจำเป็นต้องมีสินค้าที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
2. การขยายช่องทางการจำหน่าย จำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นมาจากหลายพื้นที่ ดังนั้นผู้ผลิตจะต้องขยายช่องทางการจำหน่ายให้กว้างขวางขึ้นเพื่อให้ลูกค้าเกิดความสะดวกในการจับจ่ายใช้สอย เช่น การขยายสาขาของกิจการ การจำหน่ายสินค้าทางอินเทอร์เน็ต การมีตัวแทนการจำหน่าย
3. การส่งเสริมการตลาดให้เกิดความชอบในตราหรือยี่ห้อสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัตถุประสงค์ของการโฆษณาต้องเปลี่ยนจากการสร้างการรับรู้ มาเป็นการสร้างคุณภาพในตัวสินค้าแทน เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าของเราแทนสินค้าของคู่แข่งขัน
การแสวงหาข้อมูลเกี่ยวกับการผลิตสินค้าใหม่
1. ลูกค้า เป็นแหล่งข้อมูลที่สำคัญที่สุด ความต้องการของลูกค้า ข้อเสนอแนะ คำติชม จะถูกแปรมาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่
2. ช่องทางการจำหน่ายหรือร้านค้าต่าง ๆ โดยปกติลูกค้าจะระบายความรู้สึกปัญหาต่าง ๆ เกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์ให้กับร้านจำหน่ายสินค้า ดังนั้น ร้านค้าหรือตัวแทนจำหน่าย จึงเป็นแหล่งสะสมข้อมูลจากลูกค้าได้เป็นอย่างดี
3. คู่แข่งขัน เมื่อคู่แข่งขันนำสินค้าตัวใหม่ออกสู่ตลาด แต่เป็นสินค้าที่มีข้อบกพร่องไม่ประสบความสำเร็จ ผู้ผลิตสามารถนำข้อมูลมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ของตนได้
4. แหล่งความคิดภายในกิจกรรม ได้จากความคิดเห็นของพนักงานเจ้าหน้าที่ระดับต่างๆ นำมาดัดแปลง คิดค้นผลิตภัณฑ์ตัวใหม่
5. งานวิจัย บทความ ของนักวิชาการ สถาบันการศึกษาต่าง ๆ สามารถนำมาเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจผลิตสินค้าตัวใหม่ หรือพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ได้
เรื่องที่ 4 การพัฒนาอาชีพให้มีความมั่นคง
การพัฒนาอาชีพเข้าสู่ความมั่นคง ผู้ที่ประสบความสำเร็จจะมีลักษณะการทำงานที่ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบอย่างน้อย 3 ประการ ดังนี้
1. การลดความเสี่ยงในผลผลิต
2. ความมุ่งมั่นพัฒนาอาชีพ
3. การยึดหลักคุณธรรม
การลดความเสี่ยงในผลผลิต ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้อัตราการเสี่ยงของผลผลิตลดลง ดังนี้
1. การสร้างความหลากหลาย เป็นการสร้างกิจกรรมอาชีพให้ได้ผลผลิตที่หลากหลายรองรับการเสี่ยงด้วยการแข่งขันและราคาของตลาด
2. การเพิ่มผลผลิต เป็นการควบคุมดูแลบำรุงรักษาให้ผลผลิตเพิ่มมากขึ้น
3. การหมุนเวียนเปลี่ยนรูป เป็นกิจกรรมการหมุนเวียนเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาด
4. การจัดการรายได้ จากการซื้อขายผลผลิต ผลิตภัณฑ์แปรรูป ใช้ในการเก็บออมการวางแผนการลงทุน ดำเนินอาชีพต่อไป ผู้ที่ประสบผลสำเร็จในอาชีพจะมุ่งมั่นจัดการปัจจัยทั้ง 4 ประการให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
ความมุ่งมั่นในการพัฒนาอาชีพ มีลักษณะความสำคัญ ดังนี้
1. คุณภาพผลผลิต เป็นเรื่องที่เราจะต้องให้คุณภาพตรงความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด เพื่อให้ลูกค้า มั่นใจได้ว่าจะได้รับสินค้าและบริการที่ดีเป็นไปตามความคาดหวัง
2. ลดต้นทุนการผลิต คือ การลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในการผลิตลง การกำหนดราคาผลผลิตที่จะต้องเป็นราคาที่ลูกค้าสามารถซื้อผลผลิตของเราได้ การลดต้นทุนจึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราจะต้องศึกษาเรียนรู้หาวิธีการที่เหมาะสม ไม่ใช่ลดต้นทุนกับค่าแรงงานแต่เป็นการบริหารจัดการให้ลดความเสียหายในปัจจัยการผลิต และการจัดการให้ได้ผลผลิตสูง
3. การส่งมอบผลิตผลให้ลูกค้า ต้องเป็นไปตามข้อตกลงทั้งเวลานัดหมายและจำนวนผลผลิต ตัวอย่างเช่น อาชีพตัดเย็บเสื้อผ้า ส่วนใหญ่มักจะผิดนัดทำให้เสียหายกับลูกค้าที่มีกำหนดการจะใช้เสื้อผ้า จึงหัน ไปใช้บริการเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่มีความสะดวก มองเห็นสินค้าและตัดสินใจเลือกซื้อได้ทันที
4. ความปลอดภัย ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคผลผลิต เช่น อาชีพเกษตรอินทรีย์ คนงานไม่มีโอกาสสัมผัสกับสารพิษ ทำให้การทำงานปลอดภัย ขณะเดียวกันผลผลิตจากเกษตรอินทรีย์ก็เป็นอาหารที่ปลอดภัย
การยึดหลักคุณธรรม เป็นพฤติกรรมภายในของผู้ประกอบอาชีพ ที่สำคัญส่งผลต่อความมั่นคงของอาชีพ ดังนี้ ความขยัน ความประหยัด ความซื่อสัตย์ ความอดทน คุณธรรมทั้ง 4 ประการ สามารถปรับเปลี่ยนและตกแต่งพฤติกรรมเพื่อใช้เป็นเครื่องมือสร้างความสำเร็จให้กับตนเองได้
1. ความขยัน มีลักษณะพฤติกรรมของการทำอะไรอย่างเอาจริงเอาจัง แข็งขันไม่เกียจคร้าน ถ้าผู้ประกอบอาชีพ เป็นอย่างนี้ เขาจะมองเห็นงานอย่างทะลุไปข้างหน้ามุ่งมั่นเอาจริงเอาจัง ยกระดับความสำเร็จไปอย่างต่อเนื่อง ความมั่นคงก็จะเกิดขึ้น
2. ความประหยัด เป็นพฤติกรรมของการยับยั้ง ระมัดระวังการใช้จ่ายให้พอ สร้างความคุ้มค่าให้มีความ เสียหายน้อยที่สุด พฤติกรรมเช่นนี้เป็นเรื่องของความรอบคอบในการทำงาน
3. ความซื่อสัตย์ เป็นลักษณะการประพฤติตรงและจริงใจต่อลูกค้า ทีมงานไม่คิดทรยศ คดโกงหลอกลวง คู่ค้า ผู้ร่วมทุน เป็นพฤติกรรมที่สร้างความภักดี ความไว้วางใจต่อลูกค้าทีมงาน หุ้นส่วน
4. ความอดทน มีลักษณะพฤติกรรมที่สามารถ อดกลั้น งดเว้น อดทนได้กับความยากลำบาก ไม่ทิ้งงาน ไม่ยกเลิกข้อตกลงง่าย ๆ
สรุป
ความมั่นคงในอาชีพ เป็นการจัดการทางจิตใจของผู้ประกอบการและระบบงานให้การประกอบอาชีพดำเนินไปอย่างมีความแน่นอน ทนทาน ล่มสลายได้ยาก โดยอาศัยพื้นฐานของการคิดเป็นองค์ประกอบของการพัฒนาอาชีพสู่ความมั่นคง โดยใช้หลักปรัชญา “คิดเป็น” โดยมีข้อมูลด้านต่าง ๆ ดังนี้
1. ด้านตนเอง อยู่บนฐานของคุณธรรม
2. ด้านสังคม อยู่บนฐานของการพัฒนา
3. ด้านวิชาการ อยู่บนฐานของการลดความเสี่ยงในผลผลิต
ซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ข้อมูล เข้ามาคิดวิเคราะห์สร้างสรรค์ และตัดสินใจอย่างเป็นระบบ จะนำอาชีพไปสู่ความมั่นคงได้
ส่วนการนำ “หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” มาเป็นแนวทางในการพัฒนาอาชีพ สู่ความมั่นคง ภายใต้ 3 ห่วง 2 เงื่อนไข ได้แก่ ความพอประมาณ ความมีเหตุผล และมีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี และเงื่อนไขของความรู้คู่คุณธรรม