บทที่ 12 

ความสัมพันธ์ระหว่างดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์

เรื่องที่ 1  ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ

  1. การเกิดกลางวันและกลางคืน

เนื่องจาก โลกเป็นบริวารของดวงอาทิตย์ โดยโลกจะหมุนรอบดวงอาทิตย์เป็นเวลา 365 วัน หรือ 1 ปี ในขณะเดียวกัน โลกจะหมุนรอบตัวเองโดยกินเวลา 24 ชั่วโมง จึงส่งผลให้ด้านที่โดนแสงจะเป็นเวลากลางวัน ส่วนด้านที่ไม่โดนแสงจะเป็นเวลากลางคืน เมื่อโลกหมุนไปเรื่อย ๆ ด้านที่ไม่โดนแสงหรือกลางคืน จะค่อย ๆ หมุนเปลี่ยนมาจนกลายมาเป็นกลางวัน เราเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า กลางวัน และกลางคืน

     

 

  1. การเกิดข้างขึ้น – ข้างแรม

การเกิดข้างขึ้น - ข้างแรม หมายถึง การมองเห็นดวงจันทร์มืดหรือสว่างอันเนื่องมาจากดวงจันทร์โคจรรอบโลก โดยส่วนสว่างที่หันมาทางโลก เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของดวงจันทร์บนทางโคจรรอบโลก

         ข้างขึ้นข้างแรม

 

  1. การเกิดสุริยุปราคาและจันทรุปราคา

สุริยุปราคา หรือ สุริยคราส เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลก โคจรมาอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกัน โดยมีดวงจันทร์อยู่ตรงกลาง เงาของดวงจันทร์จะทอดมายังโลก ทำให้คนบนโลก (บริเวณเขตใต้เงามืดของดวงจันทร์) มองเห็นดวงอาทิตย์เว้าแหว่ง หรือบางแห่งเห็นดวงอาทิตย์มืดหมดทั้งดวง ช่วงเวลาที่เกิดสุริยุปราคาจะกินเวลาไม่นานนัก

 

   นักดาราศาสตร์ชวนดู 'สุริยุปราคาบางส่วน' ในวันครีษมายัน กลางวันยาวสุดในรอบปี  พลาดรออีก 7 ปี

จันทรุปราคา 

จันทรุปราคา เป็นปรากฏการณ์ ที่โลกบังแสงดวงอาทิตย์ไม่ให้ไปกระทบที่ดวงจันทร์ ใน บริเวณดวงอาทิตย์ในวันเพ็ญ (ขึ้น 15 ค่ำ) โดยโลกอยู่ระหว่างดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ ทำให้เงาของโลก ไปบังดวงจันทร์ การเกิดจันทรุปราคา หรือเรียกอีกอย่างว่า จันทคราส คือ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนวันเพ็ญ (ขึ้น 15 ค่ำ) เมื่อดวงจันทร์โคจรมาอยู่ในระนาบเส้นตรงเดียวกับโลกและดวงอาทิตย์ทำให้เงาของโลกบัง ดวงจันทร์คนบนซีกโลกซึ่งควรจะเห็นดวงจันทร์เต็มดวงในคืนวันเพ็ญจึงมองเห็นดวงจันทร์ในลักษณะ ต่าง ๆ


พลาดหนนี้รออีก 2 ปี ! ชวนดู “จันทรุปราคาบางส่วน” เช้า 29 ต.ค. 66 | Thai PBS  NOW

การเกิดฤดูกาล


บทความ : ฤดูกาลของโลก - Pantip


ฤดูกาลเป็นการแบ่งปี เป็นช่วง ๆ ตามสภาพอากาศ ฤดูกาลต่างๆ เป็นผลมาจากการที่แกนโลกเอียงไปจากระนาบการโคจรเล็กน้อย (ประมาณ 23.44 องศา) ในขณะที่โลกโคจรไปรอบ ๆ ดวงอาทิตย์นั้น โลกจะหันบางส่วนเข้าหาดวงอาทิตย์ตลอดเวลา และบางส่วนจะโดนแสงอาทิตย์น้อยกว่าส่วนอื่นๆส่วนที่โดนแสงอาทิตย์มาก ก็เป็นฤดูร้อนของส่วนนั้น ๆ และส่วนที่โดนแสงอาทิตย์น้อยก็จะเป็นฤดูหนาว

ตำแหน่งต่าง ๆ บนโลกจะมีฤดูกาลไม่เหมือนกัน โดยในส่วนของโลกที่อยู่ระหว่างเขตหนาวกับเขตอบอุ่น (temperate regions) และบริเวณแถบขั้วโลก (polar regions) จะมี 4 ฤดูกาล คือ ฤดูใบไม้ผลิ(spring) ฤดูร้อน (summer) ฤดูใบไม้ร่วง (fall) และฤดูหนาว (winter) ส่วนบริเวณโซนเขตร้อน (tropicalregion) หรือบริเวณที่อยู่ใกล้ ๆ เส้นศูนย์สูตรจะแบ่งได้ 3 ฤดูกาล คือ ฤดูร้อน (dry hot season)   ฤดูฝน (wet season) และฤดูหนาว (dry cool season) ซึ่งประเทศไทยก็อยู่โซนเขตร้อน ดังนั้นประเทศไทยจึงมี 3 ฤดูกาล

องค์ประกอบของฤดูกาล

บริเวณพื้นที่ต่าง ๆ ของโลกมีฤดูกาลแตกต่างกัน เกิดจากองค์ประกอบ 4 ประการ ดังนี้

  • อุณหภูมิของอากาศ
  • ความกดอากาศ
  • ทิศทางของลมประจำปี
  • ความชื้นในอากาศ
  1. การเกิดลมบก ลมทะเล

การเกิดลม 

อากาศเมื่อได้รับความร้อนจะขยายตัว ทำให้มีความหนาแน่นน้อยกว่าปกติและลอยตัวสูงขึ้นไป ซึ่งเรียกว่า กระแสอากาศ เมื่ออากาศร้อนลอยตัวสูงขึ้นอากาศในแนวราบจากบริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า             เคลื่อนขนานกับแนวราบเข้ามาแทนที่ อากาศที่เคลื่อนที่ขนานกับพื้นผิวของโลก เรียกว่า 'ลม' ลมจะพัด จากบริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าหรือบริเวณที่มีความกดอากาศสูงกว่า ไปยังบริเวณที่มีอุณหภูมิสูงกว่าหรือ บริเวณที่มีความกดอากาศต่ำกว่ากลางวันอุณหภูมิของอากาศเหนือพื้นดินสูงกว่าอุณหภูมิของอากาศ เหนือพื้นน้ำ               เนื่องจากดินและน้ำรับความร้อนจากดวงอาทิตย์ในปริมาณเท่ากันแต่ดินจะมีอุณหภูมิสูงกว่าน้ำ ส่วนกลางคืนอุณหภูมิของอากาศเหนือพื้นดินจะต่ำกว่าอุณหภูมิของอากาศเหนือพื้นน้ำ เนื่องจาก ดินคายความร้อนได้ดีกว่าน้ำ

 

  ลมบก ลมทะเล : :


ในเวลากลางวัน อากาศเหนือพื้นดินร้อน ลอยตัวสูงขึ้น อากาศเหนือพื้นน้ำเย็นกว่า เคลื่อนที่เข้ามาแทนที่ เกิดลมพัดจากทะเลเข้าสู่ฝัง เรียกว่า ลมทะเล



 

   ในเวลากลางคืน อากาศเหนือพื้นน้ำร้อน ลอยตัวสูงขึ้น อากาศเหนือพื้นดินเย็นกว่า เคลื่อนทีj เข้ามาแทน  ที่ เกิดลมพัดจากบกออกสู่ทะเล เรียกว่า ลมบก

 

ลมมรสุม

ลมมรสุม เป็นลมที่พัดประจำฤดู เกิดขึ้นเฉพาะท้องถิ่นหนึ่ง ๆ มีบริเวณกว้างและเป็นลมที่พัดเป็นระยะเวลาแน่นอนตลอดฤดูของทุกปี การเอียงของแกนโลก ทำให้แสงจากดวงอาทิตย์ที่ตกลงมาตามตำแหน่งต่างๆ มีปริมาณต่างกัน ซึ่งทำให้อุณหภูมิในบริเวณต่าง ๆ เปลี่ยนไป และความกดอากาศก็เปลี่ยนไปด้วย จึงทำให้เกิดลมประจำฤดู

ลมมรสุมแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ

1. ลมมรสุมฤดูร้อน เป็นลมพัดจากทะเลเข้าสู่พื้นดิน เกิดขึ้นในฤดูร้อน ลมมรสุมฤดูร้อนน้ำความชุ่มชื้นหรือฝนจากทะเลมาสู่แผ่นดิน ในทวีปเอเชีย เรียกว่า ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ โดยจะพัดอยู่นาน 6 เดือน คือ ระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน

2. ลมมรสุมฤดูหนาว เป็นลมพัดจากใจกลางทวีปที่มีความกดอากาศสูงไปสู่ทะเลหรือบริเวณที่มีความกดอากาศต่ำ เป็นลมที่นําความหนาวเย็นและความแห้งแล้ง เรียกว่า ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดอยู่นาน 6 เดือน คือ ระหว่างเดือนตุลาคมถึงเดือนมีนาคม

ทิศทางลม

เราสามารถสังเกตทิศทางของลมว่าลมพัดมาจากทิศใด โดยอาศัยวิธีทางธรรมชาติ เช่น สังเกตจาก     ควันไฟ ใบไม้ไหว ธงสบัด เป็นต้น แต่อาจใช้เป็นสิงกำหนดทิศทางลมได้ไม่แน่นอน ได้มีผู้ประดิษฐ์คิดเครื่องตรวจสอบทิศทางลม เรียกว่า ศรลม ซึ่งใช้สำหรับวัดทิศทางลมในธรรมชาติ

การติดตั้งศรลม ควรติดตั้งไว้ในที่สูง ๆ เช่น หลังคาบ้าน เป็นต้น ในการวัดถ้าปลายศรชี้ไปทางใด แสดงว่าลมพัดมาจากทางทิศนั่น ถ้าปลายศรอยู่ระหว่างทิศเหนือและทิศตะวันตก แสดงว่าลมพัดมาจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และถ้าศรชี้ระหว่างทิศใต้และทิศตะวันออกแสดงว่าลมพัดมาจากทิศตะวันออกเฉียงใต้

พายุฟ้าคะนอง

พายุฟ้าคะนองที่เกิดขึ้นในฤดูร้อน เรียกว่า พายุฤดูร้อน เป็นการหมุนเวียนของอากาศแปรปรวนที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงและฉับพลัน เกิดฝนตกหนัก ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า และอาจมีลูกเห็บตกด้วย ส่วนพายุฟ้าคะนองที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูฝน เรียกว่า พายุฝนฟ้าคะนอง เกิดเหมือนพายุฤดูร้อนแต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่รุนแรงเท่า

พายุหมุนเขตร้อน

พายุหมุนเขตร้อน หมายถึง พายุหมุนที่เกิดขึ้นเหนือทะเลหรือมหาสมุทรในเขตร้อน ซึ่งอยู่ระหว่าง ละติจูดที่ 30 องศาเหนือ ถึง 30 องศาใต้

การเรียกชื่อพายุนั้นเรียกต่าง ๆ กันตามบริเวณที่เกิด เช่น

1. ถ้าพายุเกิดในอ่าวเบงกอลและมหาสมุทรอินเดีย เรียกว่า พายุไซโคลน

2. ถ้าพายุเกิดในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ทะเลแคริเบียน อ่าวเม็กซิโก เรียกว่า พายุเฮอริเคน

3. ถ้าพายุเกิดในออสเตรเลีย เรียกว่า พายุวิลลี - วิลลี

4. ถ้าพายุเกิดในมหาสมุทรแปซิฟิก และทะเลจีน เรียกว่า พายุไต้ฝุ่น

ส่วนพายุทอร์นาโดหรือลมงวงช้าง มีลักษณะหมุนเป็นเกลียว โดยจะเห็นลมหอบฝุ่นละอองเป็นลํา พุ่งขึ้นสู่บรรยากาศ คล้ายมีงวงหรือปล่องยืนลงมา